Scolaris Content Display Scolaris Content Display

โทรเวชกรรมสำหรับการสนับสนุนผู้ปกครองที่มีทารกแรกเกิดที่มีความเสี่ยงสูง

Collapse all Expand all

บทคัดย่อ

บทนำ

โทรเวชกรรม คือ การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารทางอิเลกทรอนิกส์เพื่อให้การบริการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วย เมื่อแพทย์และผู้ป่วยต้องแยกห่างกันไกล เนื่องจากผู้ปกครองและครอบครัวของทารกที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยทารกแรกเกิดวิกฤต (NICU) ต้องการการสนับสนุนจากบุคลาการทางการแพทย์เป็นหลักในด้านของข้อมูลและเวลา โทรเวชกรรมมีศักยภาพที่จะเพิ่มการสนับสนุนนี้

วัตถุประสงค์

เพื่อประเมินว่าถ้าการใช้เทคโนโลยีโทรเวชกรรมเพื่อสนับสนุนครอบครัวของทารกแรกเกิดที่ได้รับการดูแลในขั้นวิกฤตมีผลต่อระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลและความพึงพอใจของผู้ปกครอง / ครอบครัว

วิธีการสืบค้น

เราสืบค้นในฐานข้อมูล ดังต่อไปนี้ Cochrane Central Register of Controlled Trials (CENTRAL, The Cochrane Library, 2011, ฉบับที่ 8), MEDLINE (ตั้งแต่ปี 1966 ถึงกันยายน 2011), EMBASE (1980 ถึงกันยายน 2011) เรายังสืบค้นเว็บไซต์ ClinicalTrials.gov (http://www.clinicaltrials.gov) และ EudraCT (http://eudract.emea.eu.int) เราสืบค้นการเอกสารรวบรวมรายงานวิจัยการประชุมของสมาคมโทรเวชกรรมของแคนาดา (Canadian Society of Telehealth) สมาคมโทรเวชกรรมแห่งอเมริกา (American Telemedicine Association) สมาคมโทรเวชกรรมระหว่างประเทศ (The International Society for Telemedicine) การประชุมประจำปีของสมาคมเทคโนโลยีสารสนเทศสุขภาพนานาชาติ (The Annual Conference of The International e‐Health Association) สมาคมเวชสารสนเทศแห่งอเมริกาและการประชุม MedInfo (American Medical Informatics Association and MedInfo)

เกณฑ์การคัดเลือก

เราพยายามค้นหาการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม (Randomised controlled trials) ที่ประเมินการใช้โทรเวชกรรมที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนผู้ปกครองของทารกที่ได้รับการดูแลในหอผู้ป่วยทารกแรกเกิดวิกฤต (NICU) เปรียบเทียบกับการประเมินการสนับสนุนมาตรฐาน ผลลัพธ์หลักของเรา คือ ระยะเวลาการพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และผลลัพธ์รอง ได้แก่ ความพึงพอใจของผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ การเข้ารับการรักษาในห้องฉุกเฉินหลังผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลและการใช้ทรัพยากรครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของทารก

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

นักวิจัย 2 คนทำการคัดกรองการศึกษา ดึงข้อมูล และประเมินความเสี่ยงของการเกิดอคติของการศึกษาจำนวน 1 เรื่องที่นำเข้ามาในการทบทวรรรณกรรมโดยใช้วิธีมาตรฐานของกลุ่ม the Cochrane Neonatal Review Group อย่างเป็นอิสระต่อกัน เราวางแผนที่จะแสดงผลการรักษาในรูปแบบอัตราส่วนความเสี่ยง (RR), ความแตกต่างของความเสี่ยง (RD), จำนวนที่ต้องใช้ในการรักษา (NNT) และความแตกต่างเฉลี่ย (MD) ตามความเหมาะสม โดยใช้ตัวแบบคงที่ (fixed‐effect model)

ผลการวิจัย

การศึกษาจำนวน 1 เรื่องถูกนำเข้ามาวิเคราะห์ในการทบทวนวรรณกรรมนี้ การศึกษานี้เปรียบเทียบการใช้โทรเวชกรรม (Baby Carelink) สำหรับผู้ปกครองและครอบครัวของทารกในหอผู้ป่วยทารกแรกเกิดวิกฤต (NICU) กับกลุ่มควบคุมโดยปราศจากการเข้าถึงโปรแกรมนี้ และประเมินระยะเวลาการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสำหรับทารก และความพึงพอใจของครอบครัวในหลายองค์ประกอบของการดูแลทารก การศึกษาแสดงให้เห็นว่าไม่มีความแตกต่างในระยะเวลาการพักรักษาตัวในโรงพยาบาล (ระยะเวลาการพักเฉลี่ย: กลุ่มโทรเวชกรรม: 68.5 วัน (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) 28.3 วัน) กลุ่มควบคุม: 70.6 วัน (SD 35.6 วัน), MD ‐2.10 วัน (ช่วงเชื่อมั่น 95%: ‐18.85 ถึง 14.65 วัน) มีข้อมูลไม่เพียงพอสำหรับการวิเคราะห์เพิ่มเติมสำหรับการประเมินความพึงพอใจของครอบครัว

ข้อสรุปของผู้วิจัย

มีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนหรือปฏิเสธการใช้เทคโนโลยีโทรเวชกรรมเพื่อสนับสนุนผู้ปกครองของทารกแรกเกิดที่มีความเสี่ยงสูงที่ได้รับการดูแลขั้นวิกฤต การทดลองทางคลินิกมีความจำเป็นในการประเมินการประยุกต์ใช้โทรเวชกรรมเพื่อสนับสนุนผู้ปกครองและครอบครัวของทารกในหอผู้ป่วยทารกแรกเกิดวิกฤตกับระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และการรับรู้ของผู้ปกครอบต่อการบริบาลในหอผู้ป่วยทารกแรกเกิดวิกฤต โดยให้เป็นผลลัพธ์หลักในการศึกษา

PICOs

Population
Intervention
Comparison
Outcome

The PICO model is widely used and taught in evidence-based health care as a strategy for formulating questions and search strategies and for characterizing clinical studies or meta-analyses. PICO stands for four different potential components of a clinical question: Patient, Population or Problem; Intervention; Comparison; Outcome.

See more on using PICO in the Cochrane Handbook.

ข้้อสรุปภาษาธรรมดา

โทรเวชกรรมสำหรับการสนับสนุนผู้ปกครองที่มีทารกแรกเกิดที่มีความเสี่ยงสูง

โทรเวชกรรม (Telemedicine) ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้แพทย์หรือพยาบาลสามารถสื่อสารกับผู้ป่วยเมื่อไม่ได้อยู่ในห้องเดียวกัน ผู้ปกครองของทารกที่ป่วยซึ่งได้รับการรักษาในหอผู้ป่วยทารกแรกเกิดวิกฤต (Neonatal intensive care unit (NICU)) ต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างมากเมื่อลูกป่วยและเมื่อพวกเขาพาลูกกลับบ้าน โทรเวชกรรมอาจช่วยแพทย์และพยาบาลในการปรับปรุงการให้การสนับสนุนแก่ผู้ปกครอง การทบทวนวรรณกรรมนี้พบ 1 การทดลองซึ่งไม่ได้แสดงให้เห็นว่าโทรเวชกรรมแก้ไขเวลาที่ทารกเหล่านี้พักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่ชัดเจนของข้อมูลที่ตีพิมพ์ในการศึกษานี้ซึ่งทำให้ยากที่จะยืนยันคำแนะนำเกี่ยวกับโทรเวชกรรมไปในทางใดทางหนึ่ง